หญิงยิ่งเศร้ายิ่งพรมน้ำหอมเป็นเท่าตัว

ดร.เยฮูดา โชเอนเฟล์ด (Yehuda Shoenfeld) อายุรแพทย์ และนักวิจัยโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ (Tel Aviv University) ประเทศอิสราเอล พบว่า ผู้หญิงที่ตกอยู่ในอาการเศร้าจะสูญเสียประสาทในการดมกลิ่นไป ทำให้เธอต้องพรมน้ำหอมมากขึ้นกว่าปกติ 
       
       โชเอนเฟล์ด และทีมวิจัยได้ศึกษา
 "ออโตแอนติบอดี" (autoantibody) ซึ่งร่างกายจะปล่อยสารเคมีออกมาจู่โจมตัวเอง เช่นในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ตัวเอง (lupus) แถมยังชักนำให้ผู้ป่วยรู้สึกหดหู่
       
       พวกเขาได้ใช้ออโตแอนติบอดี เพื่อทำให้หนูเมาส์เพศเมียรู้สึกหดหู่ พบว่าสารเคมีที่เกิดขึ้นทำให้การทำงานของต่อมอัลแฟคทอรี (olfactory gland) ซึ่งควบคุมประสาทการดมกลิ่นหยุดลง ทั้งที่การทดลองไม่ได้ยุ่งกับจมูกของหนูเลย แถมพบว่าน้ำหนักของหนูยังลดลงด้วย
       
       "
น้ำหนักลดเป็นสัญญาณหนึ่งของอาการโศกเศร้าในผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกัน ถ้าคุณไม่ได้กลิ่น คุณก็จะไม่กินอาหาร เพราะคุณจะไม่มีความสุขกับการกิน และน้ำหนักก็จะลดลง" โชเอนเฟล์ด กล่าว

       
       งานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสารเกี่ยวกับโรคข้อ และกระดูก "อาร์ไธรทิส และรูมาทิสซึม" (Arthritis and Rheumatism) ชิ้นนี้ยังชี้ด้วยว่า ผู้ป่วยดังกล่าวจึงตอบสนองได้ดีกับการบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) ที่จะทำให้พวกเขาพ้นจากภาวะดังกล่าวได้
       
       อย่างไรก็ดี อาการโศกเศร้า และการใช้น้ำหอมมากเกินไปนี้ก็ไม่ได้เกิดเฉพาะกับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เท่านั้น แต่เกิดได้แม้กับคนปกติที่อยู่ในภาวะโศกเศร้า ซึ่งทำให้อธิบายได้ว่าทำไมผู้ชายบางคนถึงประโคโลญจ์มากนัก
       
       โชเอนเฟล์ด ชี้ว่า 
บรรดาอายุรแพทย์ รวมถึงเขาควรที่จะใส่ใจศึกษาความสัมพันธ์ของการดมกลิ่น และสุขภาพของผู้คนมากขึ้น และอาจใช้การทดสอบกลิ่น เพื่อจำแนกผู้ป่วยโรคภูมิแพ้กับอาการซึมเศร้าด้วย
       

       "
เรารู้เรื่องประสาทสัมผัสทั้งหมดแล้ว แต่เรื่องประสาทการดมกลิ่นเราละเลยมานาน และเพิ่งจะตื่นตัวเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เมื่อ 2 นักวิจัยได้รับรางวัลโนเบลจากการระบุตัวรับกลิ่นในมนุษย์ได้ ทว่าเราก็ยังมีอะไรให้ทำอีกมาก และผมเชื่อว่านี่เป็นองค์ความรู้ที่สำคัญมากเช่นกัน" โชเอนเฟล์ดกล่าว

Thanks : Maneger